เอส เอ็ม อี แบงก์ ( ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ) และ ธนาคาร อิสลาม ทั้งสองธนาคารนี้ ที่ผมจั่วหัวไว้ ว่าใครจะไปก่อนกัน คือใครจะเจ๊งก่อนกัน ผมว่าอาจจะไปพร้อมๆ กันก็ได้นะครับ
จากข้อมูลหน้าหนังสือพิมพ์ ได้ความว่า ทั้งสองธนาคารนี้ มีหนี้ NPL ประมาณ 30-40% นี่ถือว่าสูงนะครับ แต่จากตัวเลขจริงๆ ผมว่าน่าจะเกิน 50% ครับ ของทั้งสองที่นี้ และที่น่ากลัวกว่าคือ เป็นหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน ( clean loan ) อีกซะด้วย น่ากลัวนะครับ
จากการที่ผมรู้ไส้รู้พุงของทั้งสองธนาคารนี้ดี ไม่ว่าจะรัฐบาลไหนเข้ามา สองธนาคารนี้ จะเป็นหัวหอกในการปล่อยกู้ให้กับกลุ่มการเมืองเป็นหลัก ทั้งกลุ่ม ปชป. หรือ พรรคเสื้อแดงละครับ และส่วนใหญ่ โครงการอสังหาริมทรัพย์ โปรเจคเพ้อฝัน หรือ ความน่าจะเป็นน้อย จะเอาไปเข้า อิสลาม แบงก์ เพราะ SME ปล่อยกู้ เรียลเอสเตทไม่ได้ ภาระก็ไปตกอยู่ที่ อิสลามแบงก์ ส่วนโรงงาน กิจการโรงแรม อพาร์ทเมนท์ หรือ ธุรกิจขนาดกลาง 20-30 ล้าน ใครเป็นหนี้ธนาคาร พาณิชย์อื่นๆ กำลังจะโดนฟ้อง ยึดทรัพย์ ไม่ยาก เปลี่ยนผู้กู้ อุปโลกขึ้นมา นอมินี จัดมากู้ Refin ไป ทั้งสองธนาคารนี้รับหนี้ไปทันทีไม่ต้องรีรอ กินค่าคอมฯ กันปากมัน สบายไป และทั้งสองที่ มีโปรแกรมหนี้ไม่ต้องมีหลักประกัน โอ้โฮ อันนี้ยิ่งมันใหญ่ ถ่ายรูปกิจการ แต่งเอกสาร กู้กันไป ไม่ต้องมีหลักประกัน ใช้ บสย.ค้ำ มันกันเลย และที่ทำซ่า อิสลาม แบงก์ รับโอนหนี้ บัตรเครดิตจากที่อื่น มาธนาคารตัวเอง อ่วมครับตอนนี้
ไม่ได้ขู่นะครับ ใครที่มีเงินฝากที่สองธนาคารนี้ ถอนออกมาเถอะครับ ถึงแม้เค้าจะมี พรบ.คุ้มครองเงินฝากก็ตาม แต่ต้องเสียเวลาโน่นนี่ ถอนออกมาก่อนดีกว่าครับ และที่กลัวไกลกว่านั้น ผมกลัว ทฤษฎี โดมิโน จากพาธนาคารอื่น โดนกระทบไปด้วย จบกัน ธุรกิจจัดหาเงินกู้ผม ชะงัก แน่ ต้องหันมากินกับ การเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ แนวถนัดเดิมอีก