วันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2564

ออมสิน ลุยจำนำทะเบียนรถ สินเชื่อ "เงินสดทันใจ"

 


ธนาคารออมสิน ลุย ปล่อยกู้ สินเชื่อ เงินสดทันใจ โดยร่วมทุน กับ บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) หรือ SAWAD เปิดตัว บริษัท เงินสดทันใจ จำกัด ซึ่งจะทำธุรกิจจำนำทะเบียนรถ โดยได้เตรียมวงเงิน 20,000 ล้านบาท สำหรับเปิดรับจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ อัตราดอกเบี้ยต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 14.99% ต่อปี หรือเท่ากับ 0.69% ต่อเดือน ปล่อยกู้ทั้งลูกค้าใหม่ และรีไฟแนนซ์

คาดว่า จะสามารถปล่อยกู้ให้ลูกค้าได้ 800,000-1,000,000 ราย เฉลี่ยรายละ 20,000-30,000 หมื่นบาท ระยะเวลาผ่อนสูงสุด 48 งวด อัตราดอกเบี้ยต่ำที่ระดับ 14.99% น่าจะช่วยสร้างแรงกระเพื่อมในตลาด ทำให้คู่แข่งขันของธุรกิจนอนแบงก์ทยอยลดอัตราดอกเบี้ยลง มาอยู่ที่ 17-18% จากปกติส่วนใหญ่คิดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถอยู่ที่ระดับ 24-28% 

ซึ่งจะช่วยบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนจากการแบกรับค่าใช้จ่ายดำรงชีพ โดยลูกค้าที่มาใช้บริการในช่วง 3 เดือนแรก จะได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษที่ 14.99% หลังจากนั้นในระยะยาวอัตราดอกเบี้ยจะปรับขึ้นเป็น 16-17% แต่ก็ถือว่ายังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับภาพรวมตลาด โดยคาดว่าภายในเดือนแรก จะสามารถปล่อยกู้ได้ 3,000-5,000 ล้านบาท

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจหลังจากนี้ 2 เดือน จะเริ่มเปิดรับจำนำทะเบียนรถยนต์ โดยจะคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า 18% เช่นกัน ปล่อยกู้รายละไม่เกิน 200,000 บาท โดยจะเน้นไปที่กลุ่มฐานรากเป็นหลัก เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อน ซึ่งจากข้อมูลพบว่า ประชาชนฐานรากที่มีรายได้ไม่เกิน 1.5 หมื่นบาทต่อเดือน มีกว่า 25 ล้านคน ในส่วนนี้ 40% หรือ 10 ล้านคน มีการเข้าถึงบริการสินเชื่อในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยสูง อาทิ เงินกู้นอกระบบ นอนแบงก์และเงินกู้ประเภทอื่น ๆ ซึ่งออมสินมีเป้าหมายจะเข้าไปช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของกลุ่มนี้เป็นหลัก

ซึ่ง จากการที่ ธนาคารออมสิน ออกมาลุยเงินกู้ สินเชื่อ เงินสดทันใจนี้ น่าจะทำให้การแข่งขัน ในธุรกิจเงินกู้ สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ดุเดือดเข้มข้นมากขึ้น อัตราดอกเบี้ยในตลาด จะถูกลง ทำให้ คนที่เดือดร้อนเรื่องเงิน ก็จะมีทางเลือกมากขึ้น แต่ Key Success ของธุรกิจนี้ คือ ความเร็วในการอนุมัติ คนกู้ อาจจะไม่สนเรื่องดอกเบี้ยสักเท่าไร ขอให้ได้เงินกู้เร็วที่สุดก็พอ   ซึ่งออมสิน ขึ้นชื่ออยู่แล้วว่า ทำงานช้า   จะสู้เขาไหวหรือป่าว อันนี้ ต้องรอดูกันครับ

แก้หนี้ สร้างหนี้ เราจัดการให้
ติดต่อ LineID : @antonio

ติดตามคลิปดีๆ ในแวดวงการเงิน การธนาคาร และอสังหาริมทรัพย์ ได้ที่ Youtube

และติดตามผมต่อได้ที่ Facebook/AntonioAttorney.Company

สนใจให้ผมเป็นที่ปรึกษาการเงินส่วนตัว คลิกเลยครับ

ติดต่อ ผมที่ email : antonioattorney@gmail.com หรือ LineID : @antonioattorney

ที่ปรึกษาสำหรับ ผู้ประกอบการ SME แก้หนี้ หรือ ขอกู้เงิน สินเชื่อ คลิกเลยครับ Antonio SME

วันเสาร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2564

ปลดหนี้ บัตรเครดิต มหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้ อาจช่วยได้

ปลดหนี้ ความหวังของคนที่เป็นหนี้ แบงค์ชาติ ร่วมมือกับกรมบังคับคดี จัด มหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้ หวังช่วยลูกหนี้ ทั้งที่เป็นลูกหนี้ยังไม่เสีย แต่เกือบเสีย ลูกหนี้ที่เป็นหนี้เสีย NPL แล้ว หรือลูกหนี้ที่พิพากษาแล้ว อยู่ในช่วงบังคับคดี ก็อาจจะยังมีความหวัง กับ มหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้ ในครั้งหนี้ รีบลงทะเบียนก่อน 14 เมษายน 2564 นี้


ช่องทางลดทะเบียน "มหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้" ผ่าน 3 เว็บไซต์ ทั้ง ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานศาลยุติธรรม และกรมบังคับคดี รวมไปถึงเงื่อนไขการช่วยเหลือของโครงการ ที่ควรทำความเข้าใจก่อนเข้าร่วมโครงการ ดังนี้

ร่วม "มหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้" ช่วยอะไรได้บ้าง ? 

ช่วยเลี่ยงไม่ให้เกิดการผิดนัดชำระหนี้มากขึ้นในช่วงที่ประชาชนยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ "โควิด-19" โดยมีกระบวนการไกล่เกลี่ยให้เจ้าหนี้ ปรับโครงสร้างหนี้ให้ลูกหนี้ เพื่อให้ค่างวดที่ต้องจ่ายสอดคล้องกับรายได้ที่ลดลง

เรียกได้ว่า "มหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน" เพื่อเป็นช่องทางช่วยประชาชนแก้ไขปัญหาหนี้สินแบบครบวงจร ประชาชนที่มีหนี้บัตรและสินเชื่อส่วนบุคคลไม่ว่าสถานะใด สามารถใช้ช่องทางของงานมหกรรมในครั้งนี้ไกล่เกลี่ยปัญหาที่มีกับเจ้าหนี้ 

ทั้งนี้ จะใช้การไกล่เกลี่ยรูปแบบใหม่ ธปท. ได้เข้าไปช่วยดูข้อตกลงที่จะใช้เป็นแนวทางกลางในการไกล่เกลี่ยคดีผู้บริโภค 


โดยสามารถไกล่เกลี่ยหนี้บัตรทุกสถานะ 

1. หนี้บัตรดี ค้างชำระไม่เกิน 3 เดือน ติดต่อ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

2. หนี้บัตรเสียก่อนฟ้องและอยู่ระหว่างฟ้อง ติดต่อ ศาลยุติธรรม

3. หนี้บัตรเสียที่มีการพิพากษาแล้ว ติดต่อ กรมบังคับคดี





วิธีลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ "มหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้" 

ผู้ที่มีหนี้ที่ตรงกับข้อมูลข้างต้น หรือผู้ที่สนใจขอไกลเกลี่ยหนี้ สามารถกรอกข้อมูลผ่าน 3 เว็บไซต์ ภายในวันที่ 14 ก.พ. - 14 เม.ย. 64 

1. สำนักงานศาลยุติธรรม สำหรับหนี้บัตรเสียก่อนฟ้องและอยู่ระหว่างฟ้อง ลงทะเบียน คลิกที่นี่

สามารถใช้ช่องทางของงานมหกรรมไกล่เกลี่ยครั้งนี้สมัครเข้า "คลินิกแก้หนี้" ได้เลย และจากที่ ธปท. ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมมือกับสำนักงานศาลยุติธรรม ศาลรับข้อเสนอของคลินิกแก้หนี้เป็นหนึ่งข้อเสนอที่ใช้ในขั้นตอนไกล่เกลี่ยออนไลน์ของศาล ลูกหนี้ที่ใช้ช่องทางนี้จะถือว่าสมัครเข้าคลินิกแก้หนี้และเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยของศาลไปพร้อมๆ กัน 

โดยผู้ที่เข้าร่วมคลินิกแก้หนี้ได้ปรับเกณฑ์คุณสมบัติของผู้เข้าร่วมโครงการจากเดิมที่จะต้องเป็นหนี้เสียหรือ NPL ก่อน 1 ก.ค. 63 เป็น NPL ก่อน 1 ก.พ. 64

2. กรมบังคับคดี สำหรับหนี้บัตรเสียที่มีการพิพากษาแล้ว ลงทะเบียน คลิกที่นี่

มหกรรมไกล่เกลี่ยในครั้งนี้ สามารถไกล่เกลี่ยหนี้บัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล ในส่วนที่มีคำพิพากษาและถูกบังคับคดีแล้ว ซึ่งไม่สามารถเข้าคลินิกแก้หนี้ได้ และปกติเมื่อเรื่องดำเนินมาถึงขั้นตอนนี้เจ้าหนี้จะมักจะไม่ยอมเจรจา แต่เป็นที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ให้บริการทางการเงินจำนวน 23 แห่งเล็งเห็นถึงความสำคัญและจำเป็นที่เจ้าหนี้ต้องผ่อนปรนและช่วยเหลือลูกหนี้เพื่อให้ทุกฝ่ายเดินต่อไปได้ จะเปิดโอกาสให้ลูกหนี้ในชั้นบังคับคดีสามารถที่จะเข้ามาปรับโครงสร้างหนี้ร่วมกันได้อีกครั้งหนึ่ง

3. ธนาคารแห่งประเทศไทย สำหรับหนี้บัตรดี ค้างชำระไม่เกิน 3 เดือน ลงทะเบียน คลิกที่นี่

การเปลี่ยนหนี้บัตรเครดิตเป็นหนี้ที่มีระยะเวลาดังกล่าวเป็นแนวทางหนึ่งของมาตรการขั้นต่ำในการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ของ ธปท. ซึ่งจะไม่กระทบประวัติในฐานข้อมูลเครดิตบูโร ลูกหนี้ที่ต้องการเปลี่ยนหนี้บัตรเครดิตเป็นหนี้ที่มีระยะเวลาซึ่งอัตราดอกเบี้ยต่ำลงสามารถใช้ช่องทางไกล่เกลี่ยในงานนี้ได้เช่นกัน และ ธปท. จะส่งคำขอของลูกหนี้ไปยังผู้ให้บริการทางการเงิน 

นอกจากนี้ สำหรับประชาชนที่ไม่ชำนาญการกรอกข้อมูลออนไลน์ สามารถโทรติดต่อศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) โทร. 1213 วันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 8.30 - 16.30 น. จะมีเจ้าหน้าที่ของ ธปท.ช่วยบริการกรอกข้อมูล หรือสามารถฝากชื่อและเบอร์โทรศัพท์ที่ https://bit.ly/37fP7Dw หรือส่งอีเมล์มาที่ email: DebtFair@bot.or.th  ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อที่เจ้าหน้าที่จะได้ติดต่อกลับไป

ที่มาของเนื้อหา : กรุงเทพธุรกิจ

ลูกหนี้ทั้งหลาย อยากปลดหนี้ โอกาสดีมาแล้ว รีบติดต่อไปนะครับ ขอให้โชคดี


แก้หนี้ สร้างหนี้ เราจัดการให้
ติดต่อ LineID : @antonio

ติดตามคลิปดีๆ ในแวดวงการเงิน การธนาคาร และอสังหาริมทรัพย์ ได้ที่ Youtube

และติดตามผมต่อได้ที่ Facebook/AntonioAttorney.Company

สนใจให้ผมเป็นที่ปรึกษาการเงินส่วนตัว คลิกเลยครับ

ติดต่อ ผมที่ email : antonioattorney@gmail.com หรือ LineID : @antonioattorney

ที่ปรึกษาสำหรับ ผู้ประกอบการ SME แก้หนี้ หรือ ขอกู้เงิน สินเชื่อ คลิกเลยครับ Antonio SME







วันศุกร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2564

กู้เงิน ธนาคาร ออมสิน รวมสินเชื่อ แบบมีคนค้ำ และไม่ต้องมีคนค้ำ

 


สินเชื่อออมสิน มีทั้งหมด 13 สินเชื่อที่ปล่อยกู้ให้แก่ผู้สนใจ ดังนี้  

13 สินเชื่อออมสินล่าสุดในปี 2564


1. สินเชื่อเคหะ

ระยะเวลาชำระเงินกู้ : ไม่เกิน 40 ปี
หลักประกัน : อสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัย
วงเงินสูงสุดเมื่อใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน : ไม่เกินร้อยละ 100 ของราคา ซื้อขายหรือราคาประเมิน 

2. สินเชื่อเคหะสำหรับกลุ่มวิชาชีพเฉพาะ

ระยะเวลาชำระเงินกู้ : ไม่เกิน 40 ปี
หลักประกัน : อสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัย
วงเงินสูงสุดเมื่อใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน : ไม่เกินร้อยละ 100 ของราคา ซื้อขายหรือราคาประเมิน  

3. สินเชื่อเคหะ กตัญญูบุพการี

ระยะเวลาชำระเงินกู้ : รวมกับอายุผู้กู้ไม่เกิน 65 ปี ยกเว้นเจ้าของกิจการที่มีรายได้แน่นอนระยะเวลากู้ไม่เกิน 70 ปี และเป็นผู้ที่ต้องการอยู่อาศัยร่วมกับบิดา มารดา ปู่ ย่า ตา ยาย
หลักประกัน : อสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัย
วงเงินสูงสุดเมื่อใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน : ไม่เกินร้อยละ 100 ของราคา ซื้อขายหรือราคาประเมิน  

4. สินเชื่อไทรทองอเนกประสงค์

ระยะเวลาชำระเงินกู้ : ไม่เกิน 25 ปี
หลักประกัน : บุคคลค้ำประกัน, ที่ดิน, ห้องชุด,ที่ดินพร้อมอาคาร
วงเงินสูงสุดเมื่อใช้บุคคลค้ำประกัน : 300,000 บาท
วงเงินสูงสุดเมื่อใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน : 10 ล้านบาท  

5. สินเชื่อเคหะเพิ่มยอด

ระยะเวลาชำระเงินกู้ : ไม่เกิน 25 ปี
หลักประกัน : ที่อยู่อาศัย
วงเงินสูงสุดเมื่อใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน :  10 ล้านบาท

6. สินเชื่อไทยทองสำหรับกลุ่มวิชาชีพทางการแพทย์

ระยะเวลาชำระเงินกู้ : ใช้บุคคลหรือไม่มีบุคคลค้ำกู้ไม่เกิน 10 ปี, ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน กู้ไม่เกิน 20 ปี
หลักประกัน : บุคคลค้ำประกัน, ที่ดิน, ห้องชุด,ที่ดินพร้อมอาคาร
วงเงินสูงสุดเมื่อใช้บุคคลค้ำประกัน : 2 ล้านบาท
วงเงินสูงสุดเมื่อใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน : 10 ล้านบาท 

7. สินเชื่อออมสินบ้านแลกเงิน

ระยะเวลาชำระเงินกู้ : ไม่เกิน 25 ปี
หลักประกัน : ที่ดินพร้อมอาคาร, ห้องชุด
วงเงินสูงสุดเมื่อใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน : 10 ล้านบาท

8. สินเชื่อชีวิตสุขสันต์

ระยะเวลาชำระเงินกู้ : ไม่เกิน 10 ปี
หลักประกัน : สลากออมสิน, สมุดบัญชีเงินฝาก 
วงเงินสูงสุดเมื่อใช้สลากออมสินหรือสมุดบัญชีค้ำประกัน : 20 ล้านบาท

9. สินเชื่อ OD Happy Life

ระยะเวลาชำระเงินกู้ : ทบทวนสัญญาทุก 1 ปี
หลักประกัน : สลากออมสิน
วงเงินสูงสุด : 10 ล้านบาท

10. สินเชื่อสวัสดิการสำหรับข้าราชการบำนาญและลูกจ้างประจำ

ระยะเวลาชำระเงินกู้ : ไม่เกิน 30 ปี
หลักประกัน : หนังสือรับรองสิทธิ์บำเหน็จตกทอด
วงเงินสูงสุด : ไม่เกิน 100% ของหนังสือรับรองสิทธิ์บำเหน็จตกทอด

11. สินเชื่อสวัสดิการสำหรับข้าราชการ และพนักงานราชการ

ระยะเวลาชำระเงินกู้ : ใช้บุคคลหรือไม่มีบุคคลค้ำกู้ไม่เกิน 15 ปี, ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน กู้ไม่เกิน 20 ปี 
หลักประกัน : บุคคลค้ำประกัน หรือหลักทรัพย์ค้ำประกัน
วงเงินสูงสุดเมื่อใช้บุคคลค้ำประกัน : 3 ล้านบาท
วงเงินสูงสุดเมื่อใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน : 5 ล้านบาท 

12. สินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ

ระยะเวลาชำระเงินกู้ : ไม่เกิน 25 ปี
หลักประกัน : ที่ดินพร้อมที่อยู่อาศัย 
วงเงินสูงสุด : 10 ล้านบาท   

13. สินเชื่อประชารัฐเพื่อผู้สูงวัย

ระยะเวลาชำระเงินกู้ : 3-10 ปี
หลักประกัน : บริษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)
วงเงินสูงสุด : 200,000 บาท

คุณสมบัติผู้กู้ของแต่ละสินเชื่อสามารถสอบถามได้ที่ธนาคารออมสิน หรืออ่านรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ธนาคารออมสิน



วันพุธที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2564

แก้หนี้ สร้างหนี้ รัฐบาลจัดการให้

หลังจากที่เฝ้ารอ สำหรับ ธุรกิจ ผู้ประกอบการทั่วไป และภาคธุรกิจการท่องเที่ยว ว่ารัฐบาลจะมีมาตรการช่วยเหลืออะไรออกมาบ้าง สำหรับ การให้สินเชื่อ กับการพักชำระหนี้ ปรับโครงสร้างหนี้ สรุปก็คือมี 2 มาตรการ 
1. สินเชื่อฟื้นฟู ก็คือซอฟต์โลนตัวเก่า Soft Loan คราวนี้มีเงินให้ใช้ 250,000 ล้าน เงื่อนไขที่ดีกว่าเดิมคือ กู้ได้มากขึ้น ความยุ่งยากน้อยลง ระยะเวลาผ่อนส่งยาวขึ้น แต่อัตราดอกเบี้ยอาจจะสูงขึ้น สำหรับโครงการนี้ ช่วยเหลือผู้ประกอบการทุกภาคส่วน
2. โกดังพักหนี้ คราวนี้มาในชื่อใหม่ชื่อโครงการ พักทรัพย์ พักหนี้ กล่าวโดยสรุปคร่าวๆก็คือ การตีโอนทรัพย์ชําระหนี้ แล้วให้เวลาซื้อคืน 3-5 ปี เพราะมีข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้จากองค์กรระดับโลก บอกว่า การเดินทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลกจะกลับมามีสภาพเหมือนเดิมอีกครั้งปี 2567 นั่นก็คือว่าธุรกิจท่องเที่ยวของประเทศไทยจะกลับมาเหมือนเดิมอีกทีก็ ประมาณอีก 3 ปี 
สรุปสุดท้าย รายไหนที่พอไปได้ ก็อัดฉีดเงินสินเชื่อ soft loan ดอกเบี้ยไม่แพง มี บสย.ค้ำประกันให้ ผ่อนกันยาวขนาดขึ้น ส่วนภาคธุรกิจโดยเฉพาะท่องเที่ยว สายไหนไปไม่รอด ตีทรัพย์ชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ ระหว่างนี้เช่าโรงแรมประกอบการต่อไป ถึงเวลาแข็งแรงพอมาซื้อทรัพย์คืน ถ้าทั้ง 2 โครงการทำได้จริง โอกาสรอดของภาคธุรกิจไทยก็ยังพอมี 

หากคุณมีปัญหา ทั้งด้านหนี้สิน หรือ การหาเงินกู้ ขอสินเชื่อ ให้ผมเป็นที่ปรึกษาคุณซิครับ
คลิกที่นี่เลยครับ Antonio Attorney

และสำหรับท่านผู้ประกอบการ ธุรกิจ SME หากต้องการกู้เงิน หรือ ปรึกษาแก้ไข ปัญหาภาระหนี้สินมาก ชำระหนี้ไม่ไหว ติดต่อ เราครับ คลิกที่นี่เลยครับ Antonio SME

ติดตาม ข่าวสารอัพเดท แวดวงการเงิน การธนาคาร และ อสังหาฯ ได้ที่ Facebook.com/AntonioAttorney.Company

ติดตาม อีกหลายคลิปของผมที่ YouTube

วันศุกร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2564

ก่อน รีไฟแนนซ์บ้าน เราควรรู้อะไรบ้าง? บทความนี้ รวมเงื่อนไข รีไฟแนนซ์บ้าน แต่ละธนาคารมาให้คุณ

 


เมื่อเราได้กู้เงินซื้อบ้าน ได้รับการอนุมัติสินเชื่อบ้านผ่านแล้ว เมื่อเราผ่อนมาสักระยะ เมื่อผ่านพ้นช่วงอัตราดอกเบี้ย Fix Rate เข้าสู่ระยะดอกเบี้ยลอยตัว เราจำเป็นไหม ที่จะต้องขอสินเชื่อบ้านใหม่ จากธนาคารใหม่ มาปิดหนี้ธนาคารเดิม ที่เรียกว่า การรีไฟแนนซ์บ้าน เราควรมีข้อคำนึงถึงเรื่องอะไรบ้าง

เราจะต้องเสียค่าอะไรบ้าง ในการ รีไฟแนนซ์บ้าน เพื่อที่เราจะหาแหล่งเงินกู้ใหม่ ที่อัตราดอกเบี้ยถูกกว่า เราต้องการ ดอกเบี้ยที่ถูกกว่า ค่างวดผ่อนที่ลดลง แลกกับการที่ต้องยืดหนี้ออกไป เราจะต้องเสียค่าธรรมเนียมต่างๆ เช่น ค่าจัดการเงินกู้ ค่าจำนอง ค่าประเมิน เมื่อเทียบกันแล้ว หากเราขอต่อรองกับเจ้าหนี้ ธนาคารเดิม และเจ้าหนี้เดิม ลดดอกเบี้ยให้ เราลองมาเปรียบเทียบกันดูว่า การ รีไฟแนนซ์บ้าน คุ้มค่าไหม? 

ผมมีเงื่อนไข ต่างๆ ของแต่ละธนาคาร ในการรีไฟแนนซ์บ้านมานำเสนอครับ 

1.ธนาคารกรุงไทย (KTB)

สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน ธนาคารกรุงไทย มีจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ที่อัตราดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้นคงที่ปีแรก 0.64% ต่อปี ฟรีค่าธรรมเนียมยื่นกู้ โดยมีให้เลือก 2 รูปแบบหลัก ๆ ด้วยกัน คือ สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านแบบปกติ กับทางเลือกแบบให้ธนาคารออกค่าจดจำนองให้ 1% ซึ่งทั้ง 2 รูปแบบมีอัตราดอกเบี้ยต่างกัน

โดย ธนาคารกรุงไทย มีสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านแบบปกติ ในกรณีของการทำประกันคุ้มครองเงินกู้เป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ต่ำที่สุดของผลิตภัณฑ์ทั้งหมด ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกต่ำที่สุดอยู่ที่ 2.53% แบ่งเป็นปีแรก 0.64% ปีที่ 2 และ 3 MRR-2.75%

2. ธนาคารกรุงเทพ (BBL)

สำหรับอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านของ ธนาคารกรุงเทพ เฉลี่ยต่ำสุด 3 ปีแรกอยู่ที่ 2.58% แบ่งเป็นปีแรก MRR-4.00% ปีที่ 2 MRR-3.75% ปีที่ 3 MRR-1.75% สำหรับกรณีที่หลักทรัพย์เป็นที่อยู่อาศัยในกลุ่มโครงการที่มีข้อตกลงกับธนาคาร โดยให้วงเงินกู้สูงสุดเท่ากับ 100% ของภาระหนี้คงเหลือ แต่มีเงื่อนไขให้อนุมัติวงเงินตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป และอยู่ในกรณีของการทำประกันคุ้มครองสินเชื่อ

3. ธนาคาร แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (L H Bank)

ธนาคาร แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เป็นหนึ่งในสถาบันทางการเงินที่มีทางเลือกของผลิตภัณฑ์สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านที่หลากหลายที่สุด และมีอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านเฉลี่ยต่ำสุด 3 ปีแรกอยู่ที่ 2.60% โดยใช้อัตราดอกเบี้ยลอยตัวเป็นเกณฑ์ในการคำนวณในปีที่ 1 และปีที่ 2 ที่ MRR-5.35% และปีที่ 3 MRR-3.55%

ทั้งนี้ ธนาคาร แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด ให้วงเงินกู้สูงสุดอยู่ที่ 100% ของราคาประเมิน ซึ่งผู้ที่มีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์ในการกู้ผลิตภัณฑ์สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านเฉลี่ยต่ำสุดที่ 2.60% นี้ จะต้องอยู่ในเงื่อนไขของผู้กู้ที่มีรายได้ตั้งแต่ 75,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป

4. ธนาคารทหารไทย (TMB)

สินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ของ ธนาคารทหารไทย แบ่งออกเป็นผลิตภัณฑ์ 2 กลุ่มหลัก ๆ ด้วยกัน คือ สำหรับลูกค้าทั่วไป และลูกค้าที่รับเงินเดือนผ่านบัญชี TMB (Payroll) โดยสำหรับลูกค้าทั่วไปจะมีอัตราสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านเฉลี่ย 3 ปีแรกต่ำสุดอยู่ที่ 2.69% ในกรณีของการสมัครพร้อมผลิตภัณฑ์เสริม 3 ประเภท ส่วน ลูกค้าที่รับเงินเดือนผ่านบัญชี TMB (Payroll) จะมีอัตราสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านเฉลี่ย 3 ปีแรกต่ำสุดอยู่ที่ 2.64% ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านเฉลี่ย 3 ปีแรกที่ต่ำที่สุดของผลิตภัณฑ์ทั้งหมดจาก ธนาคารทหารไทย โดยมีวงเงินขั้นต่ำ 500,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 50,000,000 บาท

กรณีรีไฟแนนซ์บ้านพร้อมที่ดิน หรือ ห้องชุดคอนโดมิเนียม ราคาไม่เกิน 10 ล้านบาท วงเงินเท่ากับยอดหนี้เดิม หรือสูงสุดไม่เกิน 95% ของราคาประเมินธนาคารฯ แล้วแต่ราคาใดต่ำกว่า และ กรณีรีไฟแนนซ์บ้านพร้อมที่ดิน หรือ ห้องชุดคอนโดมิเนียม ราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไปวงเงินเท่ากับยอดหนี้เดิม หรือสูงสุดไม่เกิน 90% ของราคาประเมินธนาคารฯ แล้วแต่ราคาใดจะต่ำกว่า รวมไปถึงให้ระยะเวลากู้นานสูงสุดถึง 35 ปี ทั้งนี้ เมื่อรวมกับอายุผู้กู้แล้วต้องไม่เกิน 65 ปี

5. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY)

สำหรับ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา มีอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านเฉลี่ยต่ำสุด 3 ปีอยู่ที่ 2.75% แบ่งเป็นอัตราดกเบี้ยคงที่ในปีแรกเท่ากับ 1.75% และปีที่ 2 เท่ากับ 2.20% และใช้อัตราดอกเบี้ยลอยตัวในปีที่ 3 เท่ากับ MRR-1.75% โดยมีเงื่อนไขสำหรับหลักประกันประเภท บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม ห้องชุดพักอาศัย ราคาตั้งแต่ 1.5 ล้านบาทขึ้นไป และให้วงเงินกู้สูงสุดที่ 95% ของราคาประเมิน สามารถผ่อนชำระได้นานสูงสุดถึง 30 ปี (ระยะเวลาผ่อนชำระรวมกับอายุผู้กู้แล้วต้องไม่เกิน 65 ปี)

6. ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (G H Bank)

อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านของ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ มีชื่อผลิตภัณฑ์ว่า สินเชื่อบ้านสุขสันต์ (Re-in) โดยมีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกต่ำสุดอยู่ที่ 2.83% สำหรับวงเงินให้กู้รวมทุกบัญชีภายใต้หลักประกันเดียวกันตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป และให้วงเงินกู้สูงสุดตามเกณฑ์หลักประกัน และตามเกณฑ์รายได้เป็นไปตามระเบียบปฏิบัติงานสินเชื่อของธนาคาร

นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ สำหรับวงเงินให้กู้รวมทุกบัญชีภายใต้หลักประกันเดียวกันต่ำกว่า 3 ล้านบาท โดยมีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 3.00% ให้วงเงินสูงสุดตามเกณฑ์หลักประกัน และตามเกณฑ์รายได้เป็นไปตามระเบียบปฏิบัติงานสินเชื่อของธนาคาร

7. ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB)

สินเชื่อทั่วไปที่รีไฟแนนซ์จากสถาบันการเงินอื่นของ ธนาคารไทยพาณิชย์ มีอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านเฉลี่ย 3 ปีแรกต่ำสุดอยู่ที่ 4.90% โดยมีเงื่อนไขในการทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อมากกว่า 70% และในกรณีที่รีไฟแนนซ์จากสถาบันการเงินอื่น วงเงินที่ให้กู้สูงสุดต้องไม่เกินวงเงินสินเชื่อเคหะเท่ายอดหนี้เดิมของวงเงินกู้

ทั้งนี้สำหรับลูกค้าทั่วไป ลูกค้าโครงการ / ลูกค้าองค์กร จะได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ขึ้นอยู่กับประเภทโครงการ หรือ ประเภทองค์กร และเป็นไปตามเงื่อนไขของธนาคาร โดยสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่ SCB.CO.TH

8. ธนาคารกสิกรไทย (Kbank)

แม้ธนาคารกสิกรไทย จะไม่ได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านที่จัดเจน แต่ก็มีความน่าสนใจเนื่องจากทางธนาคารให้อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน ลดสูงสุด 1.50% จากอัตราดอกเบี้ยเดิมของลูกค้า แต่เมื่อคำนวณแล้วต้องไม่ต่ำกว่า 3.60% ในช่วง 3 ปีแรก หลังจากนั้นจนสิ้นสุดสัญญาจะใช้อัตราดอกเบี้ย MRR-1.50% ในปีที่ 4 เป็นต้นไปจนสิ้นสุดสัญญา โดยให้วงเงินกู้สูงสุด 100% ของมูลค่าหลักประกัน หรือ ขึ้นอยู่กับตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขธนาคาร และมีระยะเวลาให้กู้ สูงสุดไม่เกิน 30 ปี (อายุผู้กู้ไม่เกิน 70 ปี)

หากทำประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองสินเชื่อบ้านตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด จะได้รับส่วนลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม 0.25% ในปีแรก สำหรับวงเงินกู้เพิ่มจากยอดสินเชื่อบ้านคงค้างของวงเงินสินเชื่อบ้าน รีไฟแนนซ์ ปรับอัตราดอกเบี้ยเฉพาะวงเงินส่วนเพิ่มขึ้นอีก 0.25% ของอัตราดอกเบี้ยที่ได้รับ ตลอดอายุสัญญากู้

หากคุณมีปัญหา ทั้งด้านหนี้สิน หรือ การหาเงินกู้ ขอสินเชื่อ ให้ผมเป็นที่ปรึกษาคุณซิครับ
คลิกที่นี่เลยครับ Antonio Attorney

และสำหรับท่านผู้ประกอบการ ธุรกิจ SME หากต้องการกู้เงิน หรือ ปรึกษาแก้ไข ปัญหาภาระหนี้สินมาก ชำระหนี้ไม่ไหว ติดต่อ เราครับ คลิกที่นี่เลยครับ Antonio SME

ติดตาม ข่าวสารอัพเดท แวดวงการเงิน การธนาคาร และ อสังหาฯ ได้ที่ Facebook.com/AntonioAttorney.Company

ติดตาม อีกหลายคลิปของผมที่ YouTube


โพสต์แนะนำ

ที่ปรึกษา เพื่อแนะนำ เทคนิค วิธีการ การ กู้เงิน ขอสินเชื่อ แก้หนี้ ปรับโครงสร้างหนี้

สำหรับคนที่มีปัญหา กู้เงินซื้อบ้านไม่ผ่าน ขอสินเชื่อกับ ธนาคารไม่ผ่าน แบงก์ ไม่อนุมัติ หรือ ท่านที่มีปัญหาหนี้เสีย ภาระหนี้สินมากและยัง...

บทความที่น่าสนใจ