ลูกค้ารายล่าสุด ของผม จบลงไปได้ด้วยดี เป็นลูกค้าที่ผมดูแลมานานเกือบ 4 ปี จบลงได้ด้วยดี ดีใจครับ แล้วดีใจกับลูกค้าด้วย
เริ่มจาก ลูกค้ารายนี้ ดำเนินธุรกิจ อพาร์ทเมนท์ แล้วเกิดเป็นหนี้เสีย โดยธรรมชาติครับ โดนธนาคารฟ้อง หลังจากนั้นจ้างทนายดูเรื่องคดี ไม่มีอะไรครับมุกของทนาย ยื้อ ค้าน เลื่อนครับ สืบโจทก์ ทนายป่วย สืบพยาน เตะถ่วงไปเรื่อยๆ โดยไม่มีหลักในการเจรจาเพื่อปรับปรุงโครงสร้างหนี้เลย สุดท้ายจบที่บอกลูกค้า "พี่ ผมยื้อไม่ได้แล้ว ตกลงลงนามสัญญาประนีประนอมยอมความกับเค้าไปเหอะ เดี๋ยวผมไปทำยอมให้ครับ" ทำยอมไม่เท่าไร ดันไปรับแผนที่มันไม่สามารถทำได้นี่ซิครับ หนี้ระดับ 8 หลัก ให้ชำระหนี้ให้เสร็จภายใน 1 ปี ผ่อนรายเดือนอีกต่างหาก ภาระผ่อนก็มากมายเกินรายรับ แล้วดันไปลงนามรับแผนต่อหน้าศาล พอทำไม่ได้ทำที่ตกลง ก็จบครับ การทำยอมกลายเป็นคำพิพากษาไปในทันที
หลังจากนั้น ผมก็มารับงานครับ กับปัญหา ที่เรียกว่าไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากนักครับ ในเมื่อลูกค้าทำธุรกิจอพาร์ทเมนท์ รายได้จากการเข้าพักของลูกค้ามีทุกเดือนระดับหลายแสนครับ ผมบอกลูกค้า เราก็เก็บรายได้ไปเรื่อยๆ ครับ ส่วนหน้าที่เจรจาหนี้ ยืดเยื้อ เป็นของผม ไม่นานนักครับ 2 ปี ที่เพียรเจรจา ขอเสนอแผนแบบนั้น แบบนี้ แนวทางชำระหนี้ไปเรื่อยๆ ธนาคารไม่รับแผน ไม่เป็นไรครับ ลูกหนี้เก็บรายได้ค่าเช่าเข้ากระเป๋าทุกเดือน สุดท้ายก็โดนยึดครับ 2 ปี ครับ ก็ใช้ได้ ลูกหนี้เก็บเงินเข้ากระเป๋าไปได้เยอะพอสมควร
หลังจากยึดทรัพย์ ขั้นตอนก่อนจะถึงการขายทอดตลาด ก็กินเวลาอีกเกือบปี เวลาในการยึดทรัพย์ขายทอดตลาดมาถึง ก็ค้านครับ ค้านราคา ค้านราคาประเมินต่ำไป ร้องศาลครับ ตรวจสอบการเดินหมาย สารพัดวิธี พอขยายไปได้อีก ปี ระหว่างนั้น บอกขายทรัพย์ช่วยกันขาย ถ้าขายไม่ได้ ไม่เป็นไร ระหว่างทาง กว่า 3 ปี เก็บรายได้ไปเยอะแล้ว สุดท้ายยื้อไม่ได้ก็โดนยึด ก็เท่านั้น ระหว่างนั้น เก็บเงินไปอ้วนแล้ว สำหรับกรณีนี้โชคดีครับ ขายได้ครับ สุดยอดจริงๆ ต่อจากนั้นทำไงละครับ ขั้นตอนต่อไปของผมคือ เจรจาปิดหนี้ ให้ได้ต่ำที่สุด ครับ
เจรจากันไป มีเวลาแค่ไม่กี่เดือน อย่าให้ธนาคารรู้เชียวนะครับ ว่าขายได้ บอกหายืมเงินชาวบ้านมาจ่ายหนี้ ไม่งั้น มันไม่ยอมลดให้แน่นอน จนกว่าจะตกลงลงนามในสัญญาปรับโครงสร้างหนี้เสร็จนั้นแหละ ถึงค่อยบอกว่าต้องมีการโอนเปลี่ยนมือ และขอให้ธนาคารทำสัญญาฯ เพราะหากขายโดยมีสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ มาแนบในการโอน จะสามารถลดค่าโอนลงอีกได้อื้อเลย เจรจากันไป 2-3 เดือน จบครับ ใช้ทั้งกำลังภายใน ภายนอก ปิดเท่ากับหนี้เงินต้น best deal จริงๆ ครับ
สรุปเคสนี้ก็คือ ลูกหนี้กู้เงินธนาคาร มาซื้อที่ ก่อสร้างตึก เก็บค่าเช่า ไปเรื่อยๆ โดนฟ้อง โดนยึด สุดท้าย ที่ปรึกษาการเงิน เจรจาหนี้ แบบยืดเยื้อ สุดท้าย ปิดดีลด้วยการเจรจาปิดหนี้ จบครับ กู้เงินธนาคารมาสร้าง ระหว่างทาง ก็เก็บเงินคนเช่าเข้ากระเป๋า สุดท้าย ขาย เอาเงินคนซื้อไปชำระหนี้แทนเรา สุดยอกไหมละครับ สำหรับเคสนี้ หลังจากปิดหนี้ ยังเหลือเงินเข้ากระเป๋าอีก 8 หลัก แบบนี้เรียกว่า very best deal ครับ
ใครที่เป็นหนี้ นะครับ โดนธนาคารฟ้อง ผมขอเสนอครับ จ้างที่ปรึกษาการเงินเถอะครับ ยังไง พวกเขาก็มีประสบการณ์ สามารถแก้ไข สถานการณ์ ให้ท่าน กลับมาพลิกสถานการ์ได้ อย่างกรณีของลูกค้ารายนี้ของผมละครับ
อาชีพใคร อาชีพมันครับ เชื่อผมเถอะ