แปลกดีนะครับ ทั้งที่ สองสามปีที่ผ่านมา ประเทศไทย มีนักท่องเที่ยวแห่หลั่งไหลเข้าประเทศ จนสนามบิน รวมถึง ตำรวจ ตม.ได้รับการบ่นหรือก่นด่า ถึงการทำงานที่ล่าช้า ทำให้นักท่องเที่ยวต้องเสียเวลารอนาน กว่าจะผ่านขั้นตอนการตรวจตคนเข้าเมืองเข้าประเทศได้ หรือ ลองสังเกตุหุ้นของ AOT ดูครับ ขึ้นกันอย่างไม่ลืมหูลืมตา หรือเป็นห่วงค่า PE ว่าจะสูงกันไปถึงไหน
กลับกลายเป็นว่า มีผู้ประกอบการชาวไทย ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ในธุรกิจโรงแรม กลับแห่ขาย โรงแรมระดับ สามดาว ทั้งใน เมืองหลวง อย่างกรุงเทพ พัทยา เชียงใหม่ ภูเก็ต เหตุผลที่เรียกกันว่า แห่ขายกันนี้ บางทีมันอาจจะแอบแฝง ในนัยยะสองนัยยะ หรือเปล่า หากเพียงเรามองแบบผิวเผิน อาจจะมองว่า ไปไม่ไหว สู้เขาไม่ได้ สู้โรงแรมที่มีเชน มีชื่อเสียง ไม่ได้ แต่ผมว่าเปล่าเลยนะครับ บางที อาจจะเป็นการลองขายเล่น เทสราคาดูว่า ราคานี้ มีคนสนใจกันบ้างไหม หากมีหมูเสนอราคามา ตามที่ต้องการ ก็คงขาย แต่ถ้าราคาไม่ได้ ก็ทำกันต่อไป ............. แบบนั้นรึเปล่า ไม่อาจจทราบได้ครับ
สำหรับในมุมมองของผมนะ โรงแรมระดับ สามดาว นี้ ยิ่งนานๆ ไป ยิ่งเก่า การพัฒนา หรือ ปรับปรุง ทั้งในรูปแบบของด้านกายภาพ หรือ ด้านการบริหาร เพื่อจะพยายามปรับราคา ปรับเรทค่าห้องที่สูงขึ้น ไปนั้น จะทำได้หรือไม่ได้ ผมว่า หลักๆ อยู่ที่ตัวทำเลของโรงแรมนั้นๆ มากกว่านะ ถ้าทำเลดี ปรับเปลี่ยน รีโนเวท ยังไง มันก็คงขายได้ ปรับเรทราคาได้ แต่ถ้าทำเลไม่ได้ ยังไงมันก็คงไม่ได้
ที่ผ่านมา ในช่วง 1-2 ปี นี้ พรรคพวกเพื่อนฝูงผม ที่เป็นนักธุรกิจ ที่มีการดีลกับนักธุรกิจชาวจีน มักจะมีออร์เดอร์ ให้หาโรงแรมในเมือง ตามเมืองแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ ของประเทศไทย ให้ช่วยหากิจการโรงแรมระดับสามดาวนี้ มาเสนอให้นักธุรกิจชาวจีน ขายได้ก็มาแบ่งค่าคอมมิชชั่นกัน ผู้ซื้อมีจริงๆ ครับ แต่ผมว่า ผู้ขายจริงๆ หายากนะ ผมหามาสองปีแล้ว ยังไม่จบดีลสักที
ติดตามผมได้ที่ช่อง YouTube หรือ อ่านบทความดีต่อได้ที่ Antonio Attorney