แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ บัตรเครดิต แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ บัตรเครดิต แสดงบทความทั้งหมด

วันเสาร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2560

การลดหนี้ หรือ ปิดบัตรเครดิต แบบไม่ธรรมชาติ อาจจะกู้บ้านไม่ผ่านนะครับ


การปิดหนี้ หรือ การลดหนี้ บัตรเครดิต แบบโป้งเดียวปิดบัญชี หรือ คำศัพท์ของผมคือ ปิดแบบตั้งใจ และไม่เป็นธรรมชาติ ถึงแม้ว่าปิดแล้ว บางที คุณก็อาจจะกู้บ้านไม่ได้นะครับ

ตัวอย่าง อย่างบางธนาคาร ที่บอกว่า ถ้าปิดหนี้บัตรแล้ว สามารถมากู้ซื้อบ้านได้ จริงๆ แล้ว ธนาคาร เขาจะดู รายละเอียด และคุณสมบัติด้านอื่นๆ อีกด้วยในการพิจารณานะครับ ผมขอแบ่งประเภทของหนี้บัตร เป็น สองกรณี นะครับ

1. หนี้บัตรเครดิต ที่ยังเป็นหนี้ปกติอยู่ บัตรยังคงใช้ได้ ไม่ได้เป็นหนี้เสีย ..... ธนาคาร เขาจะพิจาณาการใช้วงเงินบัตรของคุณ ย้อนหลัง อย่างน้อย 6 เดือน ว่ามีภาระหนี้เฉลี่ยเท่าไร เช่น มีวงเงินบัตร 50,000 ก็ใช้เต็มวงเงินตลอด แบบนี้ ถือว่า มีภาระหนี้ ค่อนข้างจะถาวร และ สถานะทางการเงินไม่อยู่ในเกณฑ์ที่ดีนัก แต่บางคน บางเดือนใช้ไปสองหมื่นบ้าง สามหมื่นบ้าง หรือบางเดือนเหลือใช้ไปมีภาระหนีัแค่หลักพัน กรณีแบบนี้ ถือว่า มีหนี้ ที่ยังอยู่ในความสามารถชำระหนี้ที่ดี
2. หนี้ บัตร ที่เป็นหนี้เสียเลย ไม่มีการผ่อนชำระอะไรเลย

ทั้งสองกรณีนี้ หาก คุณจะไปยื่นกู้กับบางธนาคาร ที่เขามีนโยบายให้กู้ กับพวกที่มีหนี้เป็นหนี้เสีย หรือ ติดประวัติเครดิตบูโร แต่ต้องปิดหนี้เสียก่อน ถึงจะยื่นกู้ได้  ผมแค่แนะนำ วิธีการปิดหนี้ แบบธรรมชาติ ไม่ใช่แบบตั้งใจปิดหนี้ วิธีการคือ

1. กรณี ที่บัตรยังใช้ได้อยู่ คุณต้องค่อยๆ ลดหนี้ลง เช่น บัตรคุณใช้เต็มวงเงินตลอด สมมติที่ 50,000 บาท พอสิ้นเดือน คุณก็ไปจ่าย มากกว่าที่ใช้ไปเช่น ใช้ไป 8,000 บาท สำหรับเดือนนี้ พอถึงเวลาก็ไปชำระหนี้บัตรที่ 15,000 บาท เดือนถัดมาใช้ไป 9,000 บาท ก็ไปชำระหนี้บัตร 15,000 บาท อย่างนี้เป็นต้น หนี้บัตรเครดิตของคุณก็จะลดลงเรื่อยๆ จนธนาคารเห็นว่า คุณมีวินัยในการใช้หนี้ และภาระหนี้ลดลงเป็นลำดับ
2. กรณีบัตรเป็นหนี้เสีย ให้ ทยอยปิดทีละใบ เช่น รวมรวยเงินเดือนละ 8,000 บาท จนได้เป็นเงินก้อน และค่อยๆ ปิดทีละใบ ไปจนหมดหนี้ หรือ หากมีเงินโบนัสเข้ามา ก็ทยอยจ่ายชำระหนี้ไปเป็นรายๆ

ทั้งสองกรณี คือ การลดหนี้ หรือ ปิดบัตร แบบธรรมชาติ ไม่ใช่ปิดหนี้แบบตั้งใจปิดเกินไป การตั้งใจปิดหนี้เกินไป เป็นยังไง ยกตัวอย่างเช่น

Ex. ทั้งหนี้ บัตร ที่ใช้ได้ หรือ เป็นหนี้บัตร ที่เป็นหนี้เสีย เมื่อเทียบหรือ พิจารณาจากสเตทเมนท์ของคุณ มีการเดินบัญชีกระเปาะกระแปะ เงินคงเหลือบัญชีหลักสิบหลักร้อย แต่วันดีคือดี ปิดหนี้บัตรรวดเดียว ทีละสี่ห้าใบ เป็นเงินหลักแสน แล้วก็รีบมากๆๆ ไปยื่นกู้ซื้อบ้าน ...แบบนี้ ผมบอกเลยว่า ธนาคารเขาน่าจะมองออกนะ ว่าคุณไปยืมเงินคนอื่นมาปิดหนี้ แล้วก็จะกู้เงินแบงก์ไปซื้อบ้านแบบราคาถูกๆ ทำสัญญาจะซื้อจะขายอัพราคามาหลอกแบงก์ จะเอาเงินส่วนต่างไปคืนเขาใช้หนีเขา ใช่เปล่า สารภาพมาซะดีๆ นะ 555

ครับ กรณีแบบที่ว่านี้ ผมบอกเลย ทำได้ยากแล้วครับ ธนาคารเขาตามทันแล้วครับ ถ้าเราอยากกู้ซื้อบ้าน ขอสินเชื่อบ้าน ได้แบบง่ายๆ มันต้องใช้เวลาครับ มีการเตรียมตัว เตรียมเอกสาร และเตรียมวินัยการใช้เงินให้ธนาคารเห็นครับ การเตรียมวินัยสำหรับคนมีหนี้เยอะๆ ก็คือ ลดหนี้ลงเรื่อยๆ ให้ธนาคารเขาเห็นก่อนนะครับ เขาถึงจะมั่นใจคุณ แบบนี้ซิ กู้ผ่านแน่นอน ครับ

สำหรับเพื่อนๆ ที่ติดปัญหา กู้ซื้อบ้าน ขอสินเชื่อบ้าน ไม่ผ่าน เคนติดประวัติเครดิตบุโร คุยกันได้ครับ ที่ LineID : @antonio   สวัสดีครับ

วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2559

การรีไฟแนนซ์บ้าน คือ อะไร และ เพื่ออะไร


ในช่วงเวลา สองสามเดือนนี้ หลังจากที่มีข่าว กลุ่มที่ทำ FinTech ที่ได้เปิดตัวบริษัท ที่ทำการรวบรวมข้อมูลของแต่ละธนาคารขึ้นมาเพื่อเปรียบเทียบ อัตราดอกเบี้ย เงื่อนไขต่างๆ ของสินเชื่อกู้ซื้อบ้าน มาให้ผู้บริโภค หรือ ลูกหนี้ ได้มาเปรียบเทียบกัน เพื่อพิจารณาว่า แบงก์เก่าที่เราเป็นหนี้ มีเงื่อนไขที่ดีที่สุดแล้วหรือยัง ถ้ายัง ก็หาเรื่องเปลี่ยนแบงก์ใหม่ซะเลย หรือ ที่เรียกกันว่า Refinance บ้าน นั่นเองครับ

การ รีไฟแนนซ์ คืออะไร ทำเพื่ออะไร มีเงื่อนไข และต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง ผมขอตอบคร่าวๆ ละกันครับ การ รีไฟแนนซ์ หรือ refinance บ้าน เปลี่ยนหนี้ที่มีอยู่ ไปอยู่กับเจ้าหนี้ใหม่ โดยใช้หลักประกันเดิมที่เคยค้ำประกันไว้กับเจ้าหนี้รายเก่า เพื่อ ได้เงื่อนไขที่ดีกว่า เช่น อัตราดอกเบี้ย ที่ต่ำลง เงื่อนไขการผ่อนชำระ หรือ เงื่อนไขอื่นๆ ในการใช้วงเงิน ดี ขึ้น หรือ ได้ ขยายเวลา การผ่อนชำระที่นานขึ้น และเงื่อนไขที่ดีที่สุด ที่ลูกหนี้ชอบ คือ ได้ขอเพิ่มวงเงิน

แต่ที่ผมเจอๆ มา ลูกค้าส่วนใหญ่ เกิน 80% ที่ให้ผมทำ รีไฟแนนซ์บ้านให้ คือ เป็นหนี้บ้านอยู่ ตอนนี้ผ่อนไปได้นานแล้ว เหลือหนี้ เท่านั้น เท่านี้ และตอนนี้เป็นหนี้บัตรเครดิต อยู่เท่านั้น เท่านี้ อยากรวมหนี้บัตร และปิดหนี้ ปิดบัตรเครดิต โดยให้ทำการ รีไฟแนนซ์บ้าน กับ ธนาคารใหม่ โดยขอวงเงินเพิ่มเท่านั้นเท่านี้ เพื่อจะได้มาปิดบัตร...... ผมมีสองคำถาม

1. ถ้าสมมติ ผมทำได้ ตามที่ลูกค้าต้องการ ทำการรีไฟแนนซ์ จากแบงก์ใหม่ ได้เงินเพิ่มมาก้อนหนึ่ง จากการ refinance แล้ว วัตถุประสงค์แรก คุณต้องการเอาเงินก้อนนี้ ไปปิดหนี้บัตรเครดิต จะได้มาเป็นหนี้บ้านก้อนเดียว แต่ผมมีคำถามตัวโตๆ ถ้าได้เงินก้อนนี้มาแล้ว คุณเกิดตบะแตก แทนที่จะเอาเงินไปปิดบัตร และยกเลิกบัตรไปเลย ผมข้อท้าเลย คุณจะเอาเงินไปปิดบัตรครับ แต่ไม่ยกเลิกบัตร แล้วเวลาผ่านไปซักระยะ คุณก็จะเป็นหนี้บ้านก้อนใหม่ ที่มากกว่าก้อนเดิม และคุณก็จะเป็นหนี้บัตรเดิม และหนี้เท่ากับเงินก้อนเดิม ...พนันกับผมไหมละ ว่ามันจะไม่เกิด

2. คำถามนี้ ขอถามกับคนที่ เป็นหนี้ บัตรแบบว่า ผ่อนตรงบ้าง ไม่ตรงบ้าง เรียกได้ว่า ผ่อนแบบกระท่อนกระแท่น แต่พยายามจะจ่ายหนี้บ้านให้ตรงเอาไว้ก่อน เพื่อที่จะพยายาม รีไฟแนนซ์บ้าน เพื่อขอเงินส่วนต่างที่เพิ่มขึ้นมา เอามาปิดบัตรที่มีอยู่ 

จากคำถามข้อที่สองนี้ คุณว่า แบงก์เขาเช็คบูโรคุณไปดู เขาจะไม่รู้เหรอครับ ว่าคุณมีหนี้ยังไง แล้วมีหนี้ขนาดหนี้เขาจะให้ไหม เขาไม่รู้เหรอว่า คุณจะมาขอส่วนต่างไปปิดบัตร บางคนบอกว่า ก็ไปยืมเงินมาปิดหนี้ก่อนซิ ก็ลองดูครับ ปิดหนี้ พร้อมๆ กันทุกบัตร ในระยะเวลาใกล้กัน โดยไม่มีที่มาที่ไปของเงิน ลองดูครับ ว่าธนาคารจะให้ผ่านไหม

สรุปนะครับ การรีไฟแนนซ์บ้าน หลักการจริง สำหรับคนที่ฉลาดในการเป็นหนี้ คือ เมื่อเราผ่อนหนี้ดี ผ่อนตรงไปได้สักระยะหนึ่งแล้ว ส่วนใหญ่ธนาคารจะกำหนด ห้ามรีไฟแนนซ์เร็วกว่า 3 ปี ที่เริ่มผ่อนกับเขา ลูกหนี้เหล่านี้ ก็จะแสวงหา แบงก์ใหม่ ที่ให้ดอกเบี้ยถูกกว่า เพื่อให้การผ่อนบ้านหมดเร็วขึ้น และส่วนต่างที่ประหยัดดอกเบี้ยไป คำนวณแล้วมากกว่า การที่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายค่าธรรมเนียมต่างๆ เช่น ค่าจดจำนอง 1% ของวงเงินกู้ ค่าประเมินหลักทรัพย์ใหม่ ถือว่าคุ้ม แบบนี้เป็นต้น

ส่วนไอ้ประเภท หนี้สินพลุงพลัง กะรีไฟแนนซ์ เพื่อขอหนี้เพิ่มเอาไว้ก่อน ไปตายเอาดาบหน้า ผมขอเสร่อสอนหน่อยละกันครับ หนี้ มัน จะหมดได้ ด้วยเงินที่มาจากการประกอบอาชีพครับ หนี้ ไม่ได้หมดได้จากการ ยืมหนี้ เจ้าใหม่ ไปปิดหนี้เจ้าเก่า ครับ เปรียบเสมือน คุณยิ่งหิว กระหายน้ำ คุณก็หาน้ำดื่ม หาน้ำเค็มได้ ก็กินน้ำเค็ม ยิ่งกินก็ยิ่งกระหายน้ำ ก็ต้องกินไปเรื่อยๆ เหมือนหนี้ละครับ น้ำเค็มคือหนี้ น้ำดื่มบริสุทธิ์ คือเงินที่ได้จากการทำงาน ยิ่งกินยิ่งชื่นใจ คิดแบบผมกันไหมครับ

สำหรับท่านที่จะติดต่อ สอบถาม ติดต่อได้นะครับ LineID : @antonio ครับผม




วันอังคารที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2559

เป็นหนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด มันช่างทรมานเหลือเกิน


จริงๆ ถ้าคุณเป็นหนี้บัตรเครดิต หรือบัตรกดเงินสด ของธนาคารต่างๆ แล้วคุณเครียดนี่ ผมถือว่า อย่างน้อย คุณก็เป็นคนดี และมีความรับผิดชอบนะครับ เพราะหนี้เหล่านี้ คุณไม่มีหลักประกันอะไรไปค้ำกับเขา คุณได้เปรียบเจ้าหนี้ มากมายครับ

วันนี้ผมจะมาถ่ายทอดประสบการณ์ในการสลัดชีวิตบัดซบที่คุณทำมันให้เป็นแบบนี้เอง ให้หลุดจากภาระหนี้ อันแสนเจ็บปวดทรมานเหล่านี้ครับ เราสามารถแบ่งประเภทของลูกหนี้ ออกเป็น สองประเภท นะครับ คือ 
1. ทิ้งเลย ชีวิตนี้ หลบลี้หนีภัย อนาคตในการกู้เงินธนาคารไม่มีอีกแล้ว ติดแบล็คลิส ติดเครดิตบูโร กันยาวนานแสนนานเลยครับ 
2. ยังทำงาน หรือมีรายได้ พอเลี้ยงตัว เลี้ยงครอบครัวอยู่ได้ 

แต่ทั้งสองประเภทนี้ ผมมีข้อห้ามเด็ดขาดนะครับ คือ ห้าม กู้ยืมเงินนอกระบบ ร้อยละ 5 ร้อยละ 10 20 ต่อเดือน มาจ่ายหนี้ บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด ร้อยละ 2-3 ต่อเดือน ถ้าคุณทำแบบนั้น บอกเลยคุณจะโง่มากครับ หนี้บัตรคุณไม่จ่าย บัตรก็แค่ โทรมาทวงหนี้ ส่งจดหมายมาทวง แต่ไอ้พวกหนี้นอกระบบหนี้ มันอาจจะเอาถึงชีวิต และครอบครัวคุณได้นะครับ อย่าเด็ดขาด

วิธีแก้ มี 2 แนวทาง

1. ยืมเงินญาติพี่น้อง มาก้อนเดียว แล้วปิดหนี้ให้หมด แล้วก็ตกลงกับเขาว่าจะจ่ายคืนเขากี่เดือนกี่ปี และให้ดอกเบี้ยเขายังไง ข้อนี้ง่าย แต่คงมีคนทำได้ยากครับ ขนาดเมื่อหลายปีก่อนมีสองสามธนาคาร เช่น อิสลามแบงก์ ไทยเครดิต หรือ ออมสิน ปล่อยโปรแกรมกู้เงินไปปิดหนี้บัตรเครดิต  ตอนนี้ ทั้งสามธนาคาร อ้วกครับ หนี้เสียในโปรแกรมนี้ เพียบครับ คือ เขากู้แล้ว ก็ไม่เอาไปปิดหนี้ สรุปคือ มีหนี้เพิ่มขึ้นมาอีกครับ เรียบว่า Double Finance

2. วิธีที่สอง วิธีนี้ คนที่มาปรึกษาผม แล้ว ทำตาม ทุกวันนี้ หมดหนี้หมดสินแล้วครับ หน้าตาสดชื่นเบิกบานแจ่มใส กันทุกคนครับ เป็นยังงี้ครับ คือ ในการที่คุณสามารถสมัครบัตรเครดิต หรือ บัตรกดเงินสด ได้หลายใบ ถือว่า คุณมีรายได้เป็นมนุษย์เงินเดือนเป็นส่วนใหญ่ และบัตรเหล่านี้จะอนุมัติวงเงินประมาณ 2-3 เท่าของรายได้ ถูกไหมครับ และทุกวันนี้ คุณต้องหมุนเงิน เอาเงินเดือนจ่ายบัตรนี้ แล้วก็กดเงินสดออกมา จ่ายบัตรนั้น และก็มาจ่ายบัตรอื่นๆ ต่อไป เรื่อย ทุกเดือนจ่ายแต่ดอกเบี้ยเท่านั้น หมุนกันไป ไม่มีวันหมดสิ้น พอเริ่มตึง ก็กู้บัตรกดเงินสดมาโป๊ะอีก เชื่อผมเถอะ ความหวังที่คุณมองโลกแบบหนูน้อยหมวกแดงว่า จะเอาเงินโบนัส เงินถูกหวยมาโป๊ะ บอกเลยฝันไปเถอะ ถ้าคุณอยู่ในวังวนนี้ ผมบอกได้เลยว่าอีกไม่นาน คุณก็เน่า และหนี้ก็จะเริ่มเป็นหนี้เสีย และติดเครดิตบูโรอยู่ดี ในที่สุด 

ผมแนะนำแบบนี้นะครับ เลิกจ่ายบัตรทุกบัตรเลยครับ ยอมเป็นหนี้เสียไปเลย เดี๋ยววิธีแก้การติดเครดิตบูโร จะพูดในท้ายๆ บทความนะครับ เลิกจ่ายบัตรครับ แล้วมาคำนวณว่า ที่ผ่านมากับการหมุนเวียนจ่ายบิล กดเงินสดออกมา จ่ายบิล วนเวียนอยู่แบบนี้ คุณมีเหลือกินข้าว ใช้จ่ายส่วนตัวเท่าไร เอาแบบใช้ชีวิตให้ประหยัดนะครับ อย่าลืมคุณมีหนี้อยู่นะ สมมติละกัน คุณมี เงินเดือน 20,000 บาท ใช้จ่ายแบบประหยัด เดือนละ 14,000 บาท เหลือ เดือนละ 6,000 บาท เอาเงินตรงนี้ไปเก็บไว้เลยครับ ห้ามเอามาใช้เด็ดขาด เด็ดขาดนะครับ ผมขอย้ำ เอาละทีนี้ พอคุณเริ่มปฏิบัตรการไม่จ่ายหนี้ จะมาทดสอบว่าคุณเจ๋งแค่ไหนกัน คือหลังจากนี้ ก็จะเริ่มมีพวกบัตรเครดิตโทรมาตามหนี้คุณ ที่มือถือ ที่บ้าน ที่ทำงาน ผมแนะนำนะครับ รับมันทุกสาย อย่าไปกลัว ต้องชนมันครับ แล้วคุณจะแกร่งขึ้นมาเองครับ แล้วตอบไปว่า ไม่มีครับ พี่หมดปัญญาจ่ายแล้วครับ  และมันก็จะเร่งเร้าให้คุณสัญญาว่าจะจ่ายเมื่อนั้นเมื่อนี้ คุณไม่ต้องไปสัญญานะครับ พูดตามนี้ครับ ตามที่ผมบอก " ผมไม่มีครับ และผมไม่รู้ว่าจะจ่ายได้เมื่อไหร่ ยังไง พี่ไม่หนีไปไหนหรอกครับ ยังไงอีกสักสองสามเดือน น้องโทรมาหาพี่ใหม่นะครับ พี่จะพยายามหามาใช้นะครับ ตอนนี้พี่มีหนี้เยอะมากจ่ายไม่ไหวแล้ว " พูดเสร็จ ก็วางหูครับ จบ ห้ามสัญญาว่าจะจ่ายเมื่อนไหร่ มิฉะนั้น มันก็จะโทรมาหาคุณอีกเรื่อยๆ 
เอาละอย่าเพิ่งลืมเงิน ที่เก็บไว้ เดือนละ 6,000 บาท ที่เราเก็บไว้นะครับ เวลาผ่านมาได้ 3-4 เดือนแล้ว ตามคำสัญญาที่คุณให้ไว้กับ เจ้าหน้าที่บัตรเครดิตแล้ว และบัตรของคุณทุกใบ ก็คงโดนยกเลิกวงเงินไปหมดแล้วละครับ  ผ่านมา 4 เดือน คุณก็จะมีเงินเก็บ 24,000 บาท ครับ ผมประมาณการว่า จากเงินเดือน 20,000 บาท คุณคงมีบัตรเครดิตวงเงินประมาณ 40,000 -60,000 บาท นะครับ สมมติว่าแต่ละบัตร วงเงิน 40,000 บาท ละกัน คุณก็เก็บเงินไปเรื่อยๆ ครับ เดือนละ 6,000 บาท รอครับ รอเจ้าหน้าที่บัตรเครดิตโทรมา สมมติมันโทรมาเดือนที่ห้า คุณมีเงินเก็บ 30,000 บาท แล้ว เสนอเลยครับ น้องครับ พี่อยากเคลียร์หนี้แล้ว ตอนนี้พี่มีหนี้เยอะมากเลยครับ ( คุณต้องเก็บใบแจ้งหนี้ไว้ทุกใบนะครับ ) น้องมีเบอร์แฟกซ์ไหมครับ เดี๋ยวพี่จะส่ง fax ใบแจ้งหนี้ไปให้ดู ตอนนี้ กำลังเจรจาปิดหนี้กับเจ้าหนี้อีกใบอยู่ ถ้าน้องตกลง พี่ขอจ่ายน้อง 50% จบไหมครับ ถ้าจบ น้องทำหนังสือยืนยันยอดหนี้มาส่งมาให้พี่นะครับ แล้วพี่จะชำระหนี้ ภายใน ไม่เกิน 7 วัน หลังจากมีหนังสือยืนยันการลดหนี้นะครับ ถ้าไม่จบ พี่จะเอาเงินไปปิดหนี้ บัตรอื่นก่อน ตอนนี้พี่จะโดนบริษัท ไล่ออกแล้วครับ มีแต่คนโทรมาทวงหนี้พี่เกือบทุกวัน จนหัวหน้าเรียกไปด่าแล้ว....  

ปกติ การเจรจาหนี้บัตรเครดิต จะขอลดหนี้ได้ประมาณ 50%-80% ขึ้นอยู่กับคุณเองว่าแจ๋วแค่ไหน พูดกับพวกนี้ พูดด้วยเสียงที่หนักแน่น เต็มเสียง ไม่ต้องไปกลัวมัน ข่มมันได้ข่มมันไป แต่พูดให้สุภาพนะครับ  เพราะเขาก็ทำหน้าที่เขาครับ.... เริ่มมองเห็นแนวทาง และแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ยังครับ  วิธีนี้ ผมแนะนำมาหลายคน หลายคนที่ทำตาม ตอนนี้สบายไปละครับ เรื่องการติดเครดิตบูโร ไม่ต้องไปกลัวหรอกครับ ให้มืออาชีพอย่างผมช่วยดูแลครับ หากคุณเคลียร์หนี้สินหมดแล้ว แต่ยังติดเครดิตบูโร ผมช่วยได้ครับ บทความนี้เอาไปเป็นแนวทางดูนะครับ ขอบคุณครับ

ติดต่อสอบถาม Email: antonioattorney@gmail.com   ID Line : @antonio ยุทธนา ครับ   


วันอังคารที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2556

ลูกค้ากู้ร่วม สามี ภรรยา ภาระหนี้ เกินครึ่ง ก็ดันกันจนผ่านครับ


สามี ภรรยา เงินเดือนรวมกัน สองหมื่นต้นๆ  เดิมทั้งคู่เคยติดปัญหาบัตรเครดิต สินเชื่อเงินสด ทั้งสองคนจึงทำการรีไฟแนนซ์ หนี้บัตรทั้งหมดไปที่ธนาคารออมสินครับ ภาระผ่อนกับธนาคารออมสินต่อเดือนทั้งสองคนรวมกันประมาณหนึ่งหมื่นบาท  เกือบครึ่งของรายได้แล้วครับ แถมยังต้องผ่อนต่ออีกเกือบสิบปี และทั้งสองท่าน ยังเคยมีประวัติชำระล่าช้าอยู่ประจำ  

ปัจจุบัน อนุมัติ วงเงินกู้ซื้อบ้านให้ที่ 95% ของราคาประเมิน เรียบร้อยแล้วครับ ผลงานล่าสุด อีกหนึ่งความภูมิใจของ บริษัท อันโทนิโอ แอทโทนี จำกัด ที่อยากเห็นคนทำมาหากิน รายได้ไม่มาก ได้มีบ้านเป็นของตนเอง ครอบครัวอบอุ่นครับ ยินดีด้วยครับ

โพสต์แนะนำ

ที่ปรึกษา เพื่อแนะนำ เทคนิค วิธีการ การ กู้เงิน ขอสินเชื่อ แก้หนี้ ปรับโครงสร้างหนี้

สำหรับคนที่มีปัญหา กู้เงินซื้อบ้านไม่ผ่าน ขอสินเชื่อกับ ธนาคารไม่ผ่าน แบงก์ ไม่อนุมัติ หรือ ท่านที่มีปัญหาหนี้เสีย ภาระหนี้สินมากและยัง...

บทความที่น่าสนใจ