จากที่ผมคลุกคลี ก็คือประกอบอาชีพ เป็นโบรกเกอร์ ซื้อ ขาย บ้านมือสอง และรับดำเนินการหาสินเชื่อให้กับผู้ประสงค์จะกู้ ทั้งสินชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และ สินเชื่อธุรกิจ
อยากจะสรุป สถานการณ์ในรอบปีมาให้ทุกท่านทราบผ่านจากบล็อคของผมนี่ละ เริ่มมาตั้งแต่ต้นปี ภาคธนาคาร โดยเฉพาะด้านสินเชื่อมีการแข่งขันกันสูงมากครับ ทั้งสินเชื่อบ้าน และสินเชื่อธุรกิจ ช่วงต้นปี ผมจบเคสไปไม่น้อย แต่ปีนี้ มีเคสขอสินเชื่อธุรกิจมากกว่าทุกๆ ปี แต่ส่วนใหญ่ผมจะไม่ค่อยรับเท่าไรครับ สินเชื่อธุรกิจนี่ เหตุผล คือ คนเพ้อฝัน และฟุ้งซ่านเยอะครับ คุยด้วยซักพัก ขอตัวกลับ เสียเวลา บางทีคนเริ่มต้นทำธุรกิจเนี่ยมันต้องค่อยๆ เริ่ม ค่อยๆ ก้าวครับ นี่ คุณเป็นใครในวงการนั้นๆ อยู่ดีๆ มาถึง จะขอกู้สิบล้าน ร้อยล้าน ยากครับ สรุปก็คือ ช่วงครึ่งปีแรกของปี 56 เป็นช่วงเวลาที่ดีในการกู้เงินมากครับ
พอมาช่วงครึ่งปีหลัง แบงก์ปรับนโยบายเข้มข้นขึ้นครับ แต่สำหรับผมก็ยังพอไปได้ครับ เพราะอะไรเหรอ พูดแล้วไม่อยากจะคุย ผม อายุยังไม่เยอะหรอกครับ แต่ผมทำสินเชื่อมาตั้งแต่เรียนจบใหม่ ดูแลลูกค้าสินเชื่อรายใหญ่ๆ เป็นลูกกระจ๊อกเค้า ต่อมาดูแลพอร์ทลูกค้าเองเลย หลังวิกฤตปี 40 ผมออกมาอยู่บริษัท ทำธุรกิจ F.A. ( Financial Advisor ) รับเป็นตัวแทนในการเจรจาหนี้ เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ และหาวงเงินสินเชื่อใหม่เพื่อมาอัดฉีดเข้าไปในธุรกิจ ลูกค้า รายใหญ่ๆ ทั้งนั้น สมัยก่อน หนี้บานเลย ทุกวันนี้ แข็งแกร่งมากกว่าเดิมทั้งนั้น เพราะมีประสบการณ์มากขึ้น โอเคโม้ประวัติตัวเองมาซะยืดยาว แค่จะบอกว่า สินเชื่อกู้ซื้อบ้าน มันหมูๆ ไงครับ ในการทำสินเชื่อบ้านนะครับ ไม่ใช่สินเชื่อธุรกิจนะ คือ สินเชื่อบ้านเนี่ยถ้ามันไม่ได้ ยังไงมันก็ไม่ได้ มันปรับแต่งอะไรไม่ค่อยได้มากหรอกครับ จริงๆเชื่อผม ลูกค้าชอบถามว่าทำยังไง ผมบอกไม่ทำไงหรอกก็คนเซ็นต์อนุมัติเค้าเซ็นต์ให้ก็เท่านั้น แหมอยู่ในวงการมาตั้งนาน เพื่อนฝูง หัวหน้าเก่า ตอนนี้เป็นใหญ่เป็นโตกันหมดแล้ว กระจัดกระจายกันไปเกือบทุกแบงก์ ยกเว้น ธนาคารเพื่อการเกษตรเท่านั้น
ต่อครับมาช่วงก่อนสิ้นปี ธนาคารยิ่งเข้มในการปล่อยสินเชื่อเข้าไปอีก งานนี้ยากครับ แต่ผมก็เอาตัวรอดมาได้ หลายรายเลย ถือว่าเป็นปีที่ประสบความสำเร็จอีกปี บางท่านสังเกตุไหมครับ ช่วงที่ผ่านมาไม่กี่เดือน ท่านที่มีหนี้บัตร เครดิต สินเชื่อผ่อนของ จะมี จดหมายว่าจะอนุมัติวงเงินเพิ่ม โน่นนี่นั่น มาให้ แต่จะเขียนว่า ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาจากธนาคาร อีกครั้ง ผมจะบอกให้เขาส่งมาให้เราเซ็นต์ตอบรับกลับไป อันนั้นเป็นเอกสารให้เซ็นต์อนุญาติให้เช็คเครดิตบูโร ธนาคารเค้าจะได้เข้าไปเช็คเครดิตบูโรของท่านได้ไง ว่านอกจากกับเค้าแล้วท่าน ประวัติเป็นยังไง รู้เขารู้เรา ธนาคารนี่มันร้ายกว่าที่เราคิดเยอะนะครับ ไม่ได้จะให้วงเงินบ้าบอไรหรอกครับ
สุดท้ายผมขอแนะนำ สำหรับท่านที่อยากจะมีบ้าน ซื้อบ้าน คอนโด ทาวน์เฮาส์ นับจากนี้ไป ธนาคารจะอนุมัติยากขึ้น การเตรียมตัวคือ ท่านต้องมีเงินออม นอนเป็นเงินก้นถุงเลย คือนอนนิ่งเป็นก้อนไว้ในบัญชี เลยครับ ถามว่าเท่าไรดี ให้สูตรยังงี้ครับ ในการกู้เงิน 1.0 ล้านบาท ต้องผ่อนประมาณ เดือนละ 7,000-7,500 บาท ท่านก็ต้องมีเงินไว้ไม่น้อยกว่า 7,000 x 6 เท่ากับ 42,000 บาท ท่านควรจะมีเงินออมก้อนนี้ มาแล้วอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 6 เดือน แบบนี้พอไปไหว แต่ถ้าใครอยากให้มืออาชีพดำเนินการให้ละก็ ผมขอเสนอตัวนะครับ ยินดีรับใช้ครับ ติดต่อผมได้ครับ ที่ antonioattorney@gmail.com หรือ LineID : @antonio ยินดีตอบทุกข้อสงสัย อย่าปล่อยให้ปัญหาอยากมีบ้านต้องสะดุด เพราะ กู้เงิน ไม่ผ่าน ติดเครดิตบูโร ลองดูครับผมอาจจะช่วยได้