ในช่วงเวลา สองสามเดือนนี้ หลังจากที่มีข่าว กลุ่มที่ทำ FinTech ที่ได้เปิดตัวบริษัท ที่ทำการรวบรวมข้อมูลของแต่ละธนาคารขึ้นมาเพื่อเปรียบเทียบ อัตราดอกเบี้ย เงื่อนไขต่างๆ ของสินเชื่อกู้ซื้อบ้าน มาให้ผู้บริโภค หรือ ลูกหนี้ ได้มาเปรียบเทียบกัน เพื่อพิจารณาว่า แบงก์เก่าที่เราเป็นหนี้ มีเงื่อนไขที่ดีที่สุดแล้วหรือยัง ถ้ายัง ก็หาเรื่องเปลี่ยนแบงก์ใหม่ซะเลย หรือ ที่เรียกกันว่า Refinance บ้าน นั่นเองครับ
การ รีไฟแนนซ์ คืออะไร ทำเพื่ออะไร มีเงื่อนไข และต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง ผมขอตอบคร่าวๆ ละกันครับ การ รีไฟแนนซ์ หรือ refinance บ้าน เปลี่ยนหนี้ที่มีอยู่ ไปอยู่กับเจ้าหนี้ใหม่ โดยใช้หลักประกันเดิมที่เคยค้ำประกันไว้กับเจ้าหนี้รายเก่า เพื่อ ได้เงื่อนไขที่ดีกว่า เช่น อัตราดอกเบี้ย ที่ต่ำลง เงื่อนไขการผ่อนชำระ หรือ เงื่อนไขอื่นๆ ในการใช้วงเงิน ดี ขึ้น หรือ ได้ ขยายเวลา การผ่อนชำระที่นานขึ้น และเงื่อนไขที่ดีที่สุด ที่ลูกหนี้ชอบ คือ ได้ขอเพิ่มวงเงิน
แต่ที่ผมเจอๆ มา ลูกค้าส่วนใหญ่ เกิน 80% ที่ให้ผมทำ รีไฟแนนซ์บ้านให้ คือ เป็นหนี้บ้านอยู่ ตอนนี้ผ่อนไปได้นานแล้ว เหลือหนี้ เท่านั้น เท่านี้ และตอนนี้เป็นหนี้บัตรเครดิต อยู่เท่านั้น เท่านี้ อยากรวมหนี้บัตร และปิดหนี้ ปิดบัตรเครดิต โดยให้ทำการ รีไฟแนนซ์บ้าน กับ ธนาคารใหม่ โดยขอวงเงินเพิ่มเท่านั้นเท่านี้ เพื่อจะได้มาปิดบัตร...... ผมมีสองคำถาม
1. ถ้าสมมติ ผมทำได้ ตามที่ลูกค้าต้องการ ทำการรีไฟแนนซ์ จากแบงก์ใหม่ ได้เงินเพิ่มมาก้อนหนึ่ง จากการ refinance แล้ว วัตถุประสงค์แรก คุณต้องการเอาเงินก้อนนี้ ไปปิดหนี้บัตรเครดิต จะได้มาเป็นหนี้บ้านก้อนเดียว แต่ผมมีคำถามตัวโตๆ ถ้าได้เงินก้อนนี้มาแล้ว คุณเกิดตบะแตก แทนที่จะเอาเงินไปปิดบัตร และยกเลิกบัตรไปเลย ผมข้อท้าเลย คุณจะเอาเงินไปปิดบัตรครับ แต่ไม่ยกเลิกบัตร แล้วเวลาผ่านไปซักระยะ คุณก็จะเป็นหนี้บ้านก้อนใหม่ ที่มากกว่าก้อนเดิม และคุณก็จะเป็นหนี้บัตรเดิม และหนี้เท่ากับเงินก้อนเดิม ...พนันกับผมไหมละ ว่ามันจะไม่เกิด
2. คำถามนี้ ขอถามกับคนที่ เป็นหนี้ บัตรแบบว่า ผ่อนตรงบ้าง ไม่ตรงบ้าง เรียกได้ว่า ผ่อนแบบกระท่อนกระแท่น แต่พยายามจะจ่ายหนี้บ้านให้ตรงเอาไว้ก่อน เพื่อที่จะพยายาม รีไฟแนนซ์บ้าน เพื่อขอเงินส่วนต่างที่เพิ่มขึ้นมา เอามาปิดบัตรที่มีอยู่
จากคำถามข้อที่สองนี้ คุณว่า แบงก์เขาเช็คบูโรคุณไปดู เขาจะไม่รู้เหรอครับ ว่าคุณมีหนี้ยังไง แล้วมีหนี้ขนาดหนี้เขาจะให้ไหม เขาไม่รู้เหรอว่า คุณจะมาขอส่วนต่างไปปิดบัตร บางคนบอกว่า ก็ไปยืมเงินมาปิดหนี้ก่อนซิ ก็ลองดูครับ ปิดหนี้ พร้อมๆ กันทุกบัตร ในระยะเวลาใกล้กัน โดยไม่มีที่มาที่ไปของเงิน ลองดูครับ ว่าธนาคารจะให้ผ่านไหม
สรุปนะครับ การรีไฟแนนซ์บ้าน หลักการจริง สำหรับคนที่ฉลาดในการเป็นหนี้ คือ เมื่อเราผ่อนหนี้ดี ผ่อนตรงไปได้สักระยะหนึ่งแล้ว ส่วนใหญ่ธนาคารจะกำหนด ห้ามรีไฟแนนซ์เร็วกว่า 3 ปี ที่เริ่มผ่อนกับเขา ลูกหนี้เหล่านี้ ก็จะแสวงหา แบงก์ใหม่ ที่ให้ดอกเบี้ยถูกกว่า เพื่อให้การผ่อนบ้านหมดเร็วขึ้น และส่วนต่างที่ประหยัดดอกเบี้ยไป คำนวณแล้วมากกว่า การที่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายค่าธรรมเนียมต่างๆ เช่น ค่าจดจำนอง 1% ของวงเงินกู้ ค่าประเมินหลักทรัพย์ใหม่ ถือว่าคุ้ม แบบนี้เป็นต้น
ส่วนไอ้ประเภท หนี้สินพลุงพลัง กะรีไฟแนนซ์ เพื่อขอหนี้เพิ่มเอาไว้ก่อน ไปตายเอาดาบหน้า ผมขอเสร่อสอนหน่อยละกันครับ หนี้ มัน จะหมดได้ ด้วยเงินที่มาจากการประกอบอาชีพครับ หนี้ ไม่ได้หมดได้จากการ ยืมหนี้ เจ้าใหม่ ไปปิดหนี้เจ้าเก่า ครับ เปรียบเสมือน คุณยิ่งหิว กระหายน้ำ คุณก็หาน้ำดื่ม หาน้ำเค็มได้ ก็กินน้ำเค็ม ยิ่งกินก็ยิ่งกระหายน้ำ ก็ต้องกินไปเรื่อยๆ เหมือนหนี้ละครับ น้ำเค็มคือหนี้ น้ำดื่มบริสุทธิ์ คือเงินที่ได้จากการทำงาน ยิ่งกินยิ่งชื่นใจ คิดแบบผมกันไหมครับ
สำหรับท่านที่จะติดต่อ สอบถาม ติดต่อได้นะครับ LineID : @antonio ครับผม